ประโยชน์ มะม่วงหิมพานต์กับโรคหัวใจ
ถึงแม้ว่าของว่างอย่างถั่วมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่มีคุณภาพดี คือเป็น “ไขมันไม่อิ่มตัว”นั่นเอง
ขนมขบเคี้ยวและอาหารว่างนั้นมีหลายชนิด เมื่อพูดถึงแล้วก็พานถูกโยงไปถึงอาหารที่ไม่มีประโยชน์มีไขมันมาก ถึงแม้ว่าของว่างอย่างถั่วมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่มีคุณภาพดี คือเป็น “ไขมันไม่อิ่มตัว”นั่นเอง
ถั่วแต่ละชนิดมีไขมันไม่อิ่มตัวอยู่มากน้อยต่างกันไป เราสามารถเลือกได้จากการอ่านฉลากซึ่งต้องระบุไว้ชัดเจน ไขมันที่ว่านี้ ถ้ากินในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป ก็มีสรรพคุณช่วยกำจัดคอเลสเตอรอลที่อยู่ตามหลอดเลือดได้ นั่นหมายถึงไขมันในถั่วทั้งหลายเป็นไขมันชนิดดี หรือไขมัน “พระเอก”ก็ว่าได้ แตกต่างจากไขมัน “ผู้ร้าย” อีกชนิด คือ “ไขมันอิ่มตัว”ซึ่งมักจะไปเกาะตามผนังหลอดเลือดต่างๆ ทำให้เกิดการอุดตัน
มีงานวิจัยพบว่าผู้ที่เคยกินขนมปังและขนมกรุบกรอบเป็นประจำนั้น เมื่อเปลี่ยนมากินถั่วแทน ก็สามารถลดคอเลสเตอรอลซึ่งเป็นตัวการสำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจลงไปได้ถึง 5–14 % แตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายและอาหารการกินอื่นๆของคนกลุ่มตัวอย่างภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบจากการอุดตันของคอเลสเตอรอลนี้ จะนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน นำไปสู่การเสียชีวิตจากการหัวใจวายได้
ไขมันอิ่มตัวที่น่ากลัวนี้ พบมากในไขมันจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะหมูสามชั้น กากหมู หนังไก่ หนังเป็ด และที่พบได้ในเนยเทียม แต่พบน้อยในถั่วชนิดต่างๆ
ฉะนั้นการกินถั่วเป็นอาหารว่าง แทนขนมขบเคี้ยวที่ทำจากแป้งหรือขนมปังต่างๆ ร่วมกับการกินอาหารอื่นๆอย่างสมดุล จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจลงไปได้
แหล่งข้อมูล
บทความ “มากินถั่ว….เพื่อสุขภาพที่ดีกันเถอะ”
โดย ผศ. วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
นอกจากโรคหัวใจแล้วก็ยังช่วยเรื่องอื่นๆอีกมากมายค่ะ
- ประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ดี
- ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยรักษารูปร่างให้สมส่วนได้ เพราะมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดการดูดซึมไขมันได้
- การรับประทานถั่วเป็นประจำจะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลงอีกด้วย (ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม)
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารพิวรีนน้อยหรือไม่มีเลย
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์นิยมนำมารับประทานเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของประเทศอินเดีย เวียดนาม และบราซิลอีกด้วย (90% ของการส่งออกทั่วโลกมาจากสามประเทศนี้)
- ผลของมะม่วงหิมพานต์มีเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ทั้งผลดิบและผลสุก
- ผลห่ามของมะม่วงหิมพานต์ ทางภาคใต้ของไทยนิยมนำใช้ทำแกงส้มหรือใช้ยำ
- มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์ผลดิบใช้รับประทานร่วมกับเกลือเป็นของกินเล่นได้
- ผลสุกสามารถนำไปหมักทำไวน์ ทำน้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆได้
- เมล็ดสามารถนำไปประกอบอาหารได้ เมนูเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แหนมผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เต้าหู้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมจีนผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
- ใบอ่อน ยอดอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือแกงเผ็ด ลาบ ก้อย ขนมจีนน้ำยาได้
- ใบแก่สามารถนำมาขยี้และใช้สีฟันได้
- ไม้จากลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนและมีขนาดเล็ก มันจึงเหมาะที่จะนำไปใช้ทำลังไม้ หรือหีบใส่ของ ทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ต่อเรือ ใช้ทำเรือเอก แอกเทียม วัวเทียมควายเทียม คุมล้อเกวียน และยังนำไปทำเป็นฟืนและถ่านได้อีกด้วย
- ยางจากเปลือกของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ควาญช้างในประเทศอินเดียนำมาใช้เพื่อคุมช้างให้เชื่องได้
- ยางจากลำต้น สามารถนำมาใช้ทาบ้านกันปลวกได้
- เปลือกต้นหรือเปลือกเมล็ด มีประโยชน์หลายอย่างในด้านของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สามารถนำไปทำเป็นผ้าเบรค และแผ่นคลัชได้ ซึ่งจะมีคุณสมบัติทนความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดได้สูง หรือนำมาใช้ทำฉนวนป้องกันไฟฟ้าแมกนิเตอร์เมเตอร์ ใช้ทำน้ำประสานในการบัดกรีโลหะ น้ำมันชักเงาสำหรับใช้ในเครื่องบิน ใช้ผสมทำน้ำหมึก ทำหมึกประทับตราผ้า ทำเป็นลูกกลิ้งยางพิมพ์ดีด ทำกาว ใช้ย้อมอวนทนทาน ผลิตภัณฑ์ปูพื้น ใช้ผสมปูนซีเมนต์ทำให้เหนียวขึ้น ใช้กำจัดตัวอ่อนของยุงด้วยการผสมกับพาราฟินเหลว ผลิตภัณฑ์ทาไม้ป้องกันปลวก ยาฆ่าแมลงและปลวก เป็นต้น
- เยื่อหุ้มเมล็ดถ้ามีปริมาณมาก อาจใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแทนนิน ที่ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังได้
- ประโยชน์ของเปลือกเมล็ดสกัดเป็นน้ำมัน ในด้านการแพทย์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเหน็บชา วัณโรค โรคเท้าช้าง โรคเลือดคั่ง โรคเรื้อน โรคผิวหนัง หูด ตาปลา และส้นเท้าแตกได้
- ประโยชน์ของเปลือกเมล็ด ก็สามารถใช้ประโยชน์ในด้านความงามได้ เช่น ใช้ลอกหน้าที่เกิดจากการตกกระ (แต่อาจส่งผลเสียได้) เป็นต้น
- ผลของมะม่วงหิมพานต์มีกลิ่นต่าง ๆ ถึง 20 กลิ่น จึงสามารถนำมาสกัดทำเป็นหัวน้ำหอมได้
- ผลนอกจากใช้รับประทานเป็นผลไม้ ยังสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ของ โค กระบือ ได้อีกด้วย
- ผลสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น แยม ผลไม้กวน เครื่องดื่ม น้ำมะม่วงหิมพานต์ ไวน์ น้ำส้มสายชู เป็นต้น
- เมล็ดสามารถนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว อบเนย อบน้ำผึ้ง เป็นต้นที่มา medthai.com